ทำความรู้จัก SLA 3D Printer ระบบเรซิ่น เหมาะกับชิ้นงานแบบไหน
- Home
- บทความ
- ข่าวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
- ทำความรู้จัก SLA 3D Printer ระบบเรซิ่น เหมาะกับชิ้นงานแบบไหน
ทำความรู้จัก SLA 3D Printer ระบบเรซิ่น เหมาะกับชิ้นงานแบบไหน
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองคือ SLA 3D Printer ที่ใช้ระบบเรซิ่นในการสร้างชิ้นงาน โดยเทคโนโลยีนี้สามารถผลิตชิ้นงานที่มีความละเอียดสูงและมีคุณภาพผิวที่ดี เรียบเนียนกว่าเครื่องปริ้น 3D รูปแบบอื่น ๆ หากคุณกำลังสนใจเกี่ยวกับ 3D Printer ระบบเรซิ่นอยู่ล่ะก็ มาดูกันดีกว่าว่าเครื่องปริ้น 3D เรซิ่นคืออะไร หลักการทำงานเป็นอย่างไร เหมาะกับชิ้นงานประเภทไหน มีจุดเด่น จุดด้อยอะไรบ้าง
SLA 3D Printer ระบบเรซิ่น คืออะไร
SLA 3D Printer หรือเครื่องพิมพ์ 3 มิติแบบ Stereolithography เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการบ่มเรซิ่นเหลวให้แข็งตัวเป็นชั้น ๆ จนกลายเป็นชิ้นงาน 3 มิติ เทคโนโลยีนี้ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยระบบเรซิ่นของ SLA 3D Printer จะใช้วัสดุตั้งต้นเป็นของเหลวที่ไวต่อแสง เมื่อถูกฉายด้วยแสง UV จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีและแข็งตัว ทำให้สามารถสร้างชิ้นงานที่มีความละเอียดสูงและผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรายละเอียดและความแม่นยำ
หลักการทำงานของ SLA 3D Printer
เครื่องปริ้น 3D เรซิ่นทำงานโดยใช้แสง UV ฉายลงบนถาดที่บรรจุเรซิ่นเหลว โดยแสงที่ส่องมาจะทำให้เรซิ่นแข็งตัวเป็นชั้นบาง ๆ จากนั้นแท่นรองชิ้นงานจะยกขึ้นเล็กน้อย และจะเริ่มต้นใหม่สำหรับชั้นถัดไป ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนได้ชิ้นงานสมบูรณ์ ซึ่ง SLA 3D Printer สามารถสร้างชิ้นงานที่มีความซับซ้อนและละเอียดสูงได้
เครื่องปริ้น 3D SLA มีกี่ประเภท
SLA เครื่องปริ้น 3D มีหลายประเภท มีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีประเภทไหนบ้าง มาดูกัน
- Top-Down SLA : เครื่องปริ้น 3D เรซิ่นแบบนี้ใช้แสง UV จากด้านบนฉายลงมายังถาดเรซิ่น ข้อดีคือสามารถสร้างชิ้นงานขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดด้านความลึกของถาดเรซิ่น แต่ต้องใช้เรซิ่นในปริมาณมาก เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นงานขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรม
- Bottom-Up SLA : ระบบนี้ใช้แสง UV จากด้านล่างผ่านพื้นโปร่งแสงของถาดเรซิ่น ทำให้ประหยัดวัสดุมากกว่าแบบ Top-Down เนื่องจากใช้เรซิ่นน้อยกว่า นิยมใช้ในเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กสำหรับใช้งานทั่วไป ข้อจำกัดคือขนาดชิ้นงานถูกจำกัดด้วยความลึกของถาดเรซิ่น
- DLP (Digital Light Processing) : เทคโนโลยีนี้ใช้โปรเจคเตอร์ DLP ฉายภาพตัดขวางของชิ้นงานลงบนเรซิ่นทีละชั้น ทำให้สามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าระบบ SLA แบบดั้งเดิม แต่อาจมีข้อจำกัดด้านความละเอียดเมื่อเทียบกับระบบอื่น
- MSLA (Masked Stereolithography) : เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจาก DLP โดยใช้หน้าจอ LCD เป็นตัวกรองแสง UV แทนโปรเจคเตอร์ ให้ความละเอียดสูงในราคาที่ประหยัดกว่า และสามารถผลิตชิ้นงานที่มีรายละเอียดเยอะมาก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- CLIP (Continuous Liquid Interface Production) : เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาโดย Carbon3D ใช้การฉายแสงอย่างต่อเนื่องผ่านชั้นออกซิเจนที่ยอมให้เรซิ่นแข็งตัวได้บางส่วน ทำให้พิมพ์ชิ้นงานได้เร็วและละเอียดกว่าระบบอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
จุดเด่น จุดด้อย เครื่องปริ้น 3D ระบบเรซิ่น
ในปัจจุบัน SLA 3D Printer ได้รับความนิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างจากเครื่องปริ้น 3 มิติรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งจุดเด่นและจุดด้อยของเครื่องปริ้น 3D ระบบเรซิ่น มีดังนี้
จุดเด่นของเครื่องปริ้น 3D เรซิ่น
- สามารถสร้างชิ้นงานที่มีรายละเอียดและซับซ้อนได้ดี
- ผิวชิ้นงานเรียบเนียน ลดการขัดแต่งภายหลัง
- ความแม่นยำในการสร้างชิ้นงานสูง
- สามารถใช้วัสดุได้หลากหลาย รวมถึงเรซิ่นเฉพาะทาง
- เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นงานขนาดเล็กที่ต้องการความละเอียด
- สามารถสร้างชิ้นงานที่มีความโปร่งใสได้
- บางชิ้นงาน ใช้เวลาในการพิมพ์น้อยกว่าเครื่องปริ้น 3D แบบอื่น ๆ
จุดด้อยของเครื่องปริ้น 3D เรซิ่น
- ต้นทุนวัสดุและเครื่องพิมพ์ค่อนข้างสูง
- ชิ้นงานมีความเปราะบางกว่าระบบอื่น
- ต้องการการดูแลรักษาและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- พื้นที่พิมพ์มักมีขนาดจำกัด
SLA 3D Printer เหมาะกับชิ้นงานแบบไหน
เครื่องปริ้น 3D ระบบเรซิ่นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดสูงและผิวเรียบเนียน เช่น แบบจำลองทางการแพทย์ เครื่องประดับ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก และต้นแบบผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังเหมาะกับงานที่ต้องการความโปร่งใสหรือคุณสมบัติเฉพาะของเรซิ่น เช่น ความยืดหยุ่น หรือทนความร้อน ทำให้ SLA 3D Printer กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง
สรุปบทความ
SLA 3D Printer นับเป็นนวัตกรรมการพิมพ์ 3 มิติที่โดดเด่นด้วยความละเอียดและคุณภาพผิวที่ดีเยี่ยม แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัว ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นที่ต้องการในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานที่ต้องการความแม่นยำสูง การเลือกใช้ SLA 3D Printer ควรพิจารณาถึงลักษณะของชิ้นงาน งบประมาณและความต้องการของคุณให้ดี
หากสนใจอยากจะลองใช้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อเครื่องปริ้น 3D เรซิ่น สามารถติดต่อสอบถามกับ Septillion ผ่านทาง Line : @Septillion หรือเบอร์ 02-028-7445 เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติระบบเรซิ่นมากที่สุด
Author
Additive Manufacturing Solution Provider Since Feb 2013 Authorized Reseller / Distributors eos, Ultimaker, Zortrax, FlashForge, TierTime, Markforged, Pollen, BlackBelt 3D, Shinning 3D, Thor 3D Scanner, Agisoft, Autodesk Netfabb, Materialise