Flashforge เตรียมเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Desktop สีเต็มรูปแบบรุ่นแรกของโลกในปี 2025
- Home
- บทความ
- ข่าวสาร 3D Printing, บทความ, สาระน่ารู้
- Flashforge เตรียมเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Desktop สีเต็มรูปแบบรุ่นแรกของโลกในปี 2025
Flashforge เตรียมเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Desktop สีเต็มรูปแบบรุ่นแรกของโลกในปี 2025
Flashforge เตรียมเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Desktop สีเต็มรูปแบบรุ่นแรกของโลกในปี 2025
ขณะนี้ทางแบรนด์ Flashforge กำลังพัฒนาเครื่องพิมพ์สามมิติขนาด Desktop ที่สามารถพิมพ์สีเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 เครื่องพิมพ์นี้มีชื่อว่า CJ270 และใช้เทคโนโลยีการพิมพ์วัสดุแบบ Jetting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้พัฒนามาแล้วในเครื่องพิมพ์สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
โดยรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์โมเดล 3 มิติที่มีสีสันสดใสและรายละเอียดสูง เหมาะสำหรับการสร้างต้นแบบ การผลิตชิ้นส่วนที่มีสีสัน และการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
การเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Desktop สีเต็มรูปแบบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในวงการการพิมพ์ 3 มิติ เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างโมเดลที่มีสีสันและรายละเอียดสูงได้อย่างง่ายดาย
Flashforge CJ270 ใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกับการพิมพ์แบบ Material-Jet
ซึ่งถูกนำมาใช้ในเครื่องพิมพ์ซีรีส์ WaxJet สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับของบริษัท เครื่องพิมพ์รุ่นนี้รองรับวัสดุเรซินโฟโตโพลิเมอร์แบบ CMYK, สีขาว และแบบโปร่งใส ทำให้สามารถพิมพ์ได้มากกว่า 10 ล้านสี
แม้จะเป็นเครื่องพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ แต่ขนาดของเครื่องนี้จะใหญ่กว่าเครื่องพิมพ์ FDM ทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีปริมาตรการพิมพ์ที่ 180 x 120 x 100 มม. และคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขคร่าว ๆ เนื่องจาก CJ270 ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา และยังมีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องสรุปก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังยืนยันว่าโมเดลสีทั้งหมดที่จัดแสดงที่บูธของบริษัทถูกพิมพ์โดยใช้เครื่องต้นแบบของ CJ270 ซึ่งหมายความว่าระบบนี้เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น ต่างจากเครื่องเดโมที่จัดแสดงในงาน Formnext ที่เครื่องถูกนำมาโชว์พร้อมกับแผ่นป้ายบอก “ห้ามเปิดใช้!!!” ในงาน
Material Jetting (MJ) คืออะไร?
การพิมพ์แบบ Material Jet เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติที่ทำงานโดยการพ่นหยดของวัสดุเหลวลงบนแท่นพิมพ์ และทำให้แข็งตัวด้วยแสงยูวี (UV) หรือกระบวนการอื่น ๆ เพื่อสร้างวัตถุทีละชั้น
หลักการทำงานของ Material Jetting
- การพ่นวัสดุ (Jetting Material): เครื่องพิมพ์จะพ่นหยดของวัสดุเหลวลงบนพื้นผิว ตามตำแหน่งที่กำหนดโดยโมเดลดิจิทัล
- การบ่มด้วยแสง (Curing Process): แสง UV จะฉายลงบนวัสดุ เพื่อให้มันแข็งตัวทันที
- การสร้างชั้นซ้ำ (Layer-by-Layer Process): กระบวนการนี้จะถูกทำซ้ำทีละชั้นจนกว่าวัตถุจะถูกสร้างเสร็จ
ข้อดี
ความละเอียดสูง: สามารถพิมพ์โมเดลที่มีความละเอียดสูงถึงระดับไมโครเมตร
วัสดุหลายประเภท: รองรับการพิมพ์แบบ Multi-Material และ Multi-Color
พื้นผิวเรียบ: ชิ้นงานมีพื้นผิวที่เรียบเนียนกว่าการพิมพ์แบบ FDM หรือ SLS
ข้อเสีย
ต้นทุนสูง: ค่าใช้จ่ายของเครื่องพิมพ์และวัสดุค่อนข้างสูง
วัสดุจำกัด: ใช้ได้กับวัสดุเฉพาะ เช่น เรซินหรือโพลีเมอร์บางชนิด
เปราะบาง: วัสดุที่พิมพ์อาจไม่แข็งแรงเท่ากับเทคนิคอื่น เช่น SLS หรือ DMLS
การพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3 มิติแบบสีของ Flashforge
เมื่อการพิมพ์สีเริ่มกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องพิมพ์แบบเส้นใยตั้งโต๊ะ (FDM) ทำให้ทางแบรนด์ได้ตอบสนองต่อแนวโน้มนี้ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ AD5X รุ่นล่าสุดไปเป็นที่เรียบร้อย และการที่ทางแบรนด์ได้พัฒนารุ่น CJ270 นั้นก็เป็นเครื่องการันตีว่าทางแบรนด์ได้ให้ความสำคัญกับการพิมพ์ 3 มิติแบบสี ด้วยการพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3 มิติแบบพิมพ์สีระดับอุตสาหกรรมมานั่นเอง
และระบบนี้ยังรองรับวัสดุซัพพอร์ตที่ละลายน้ำได้ ทำให้สามารถพิมพ์ชิ้นงานที่มีรูปทรงซับซ้อนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เครื่องมือเสริม เช่น เครื่องทำความสะอาดอัลตราโซนิก ช่วยเร่งกระบวนการทำความสะอาดหลังการพิมพ์นั้น และยังระบุว่าเป้าหมายคือการตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นที่หรืองบประมาณสำหรับเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่แบบตั้งพื้นจากแบรนด์ระดับอุตสาหกรรมอย่าง Mimaki ซึ่งเป็นแบรนด์จากทางญี่ปุ่นและ Stratasys แบรนด์จากอเมริกา โดยมีราคาประมาณการอยู่ที่ราว ๆ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการเปิดตัวอีกครั้ง)
แหล่งที่มา :
Matthew Mensley. “Flashforge Aiming to Launch ‘World’s First Desktop Full Color 3D Printer’ in 2025.” All3DP, 27 พฤศจิกายน 2024
Author
Additive Manufacturing Solution Provider Since Feb 2013 Authorized Reseller / Distributors eos, Ultimaker, Zortrax, FlashForge, TierTime, Markforged, Pollen, BlackBelt 3D, Shinning 3D, Thor 3D Scanner, Agisoft, Autodesk Netfabb, Materialise